อันดับที่5 จังหวัดพังงา

จังหวัดพังงาเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยมากจนต้องไปให้ได้สักครั้งก็คือ เสม็ดนางชี จังหวัดพังงา ที่ไม่เพียงแต่จะได้สัมผัสบรรยากาศแบบทะเลได้เพียงเท่านั้น แต่ยังมีจุดกางเต็นท์นอนดูดาวและชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยไม่แพ้ภาคเหนือเลย ที่จุดชมวิวเพื่อนๆจะมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้แบบสุดแสนอันซีนเหนืออ่าวพังงา ท่ามกลางเทือกเขาหินปูนและท้องทะเลที่รายล้อมอยู่

อันดับที่4 จังหวัดสตูล

เพื่อนๆคนไหนที่ฝันอยากจะไปฮันนีมูนที่มัลดีพส์สักครั้งแต่งบดันไม่พอ ต้องมาที่หลีเป๊ะเลยค่ะ เพราะหาดของที่นี่งดงามราวกับสวรรค์บนดินจนได้รับการขนานนามว่าเป็น “มัลดีพส์เมืองไทย” ด้วยหาดทรายขาวสะอาดกับน้ำที่สแจ๋วจนเห็นโขดหินและผืนทรายที่อยู่ใต้น้ำนี้ ทำให้หลีเบ๊ะเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องมาให้ได้สักครั้งในชีวิต และถ้าเพื่อน’ได้มาที่หลีเป๊ะแล้ว มีสิ่งที่จะพลาดไม่ได้เลยนั่นก็คือการชมพระอาทิตย์ขึ้นที่หาดซันไรซ์ และชมพระอาทิตย์ตกที่หาดซันเซ็ท เพราะวิวจะสวยมากจนถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องทำเมื่อมาที่หลีเป๊ะเลยค่ะ

อันดับที่3 จังหวัดสุราษฎ์ธานี

เกาะนางยวนที่ไม่ได้มีดีแค่ชื่อที่เย้ายวนใจชวนห้มาพิสูจน์ แต่ยังงดงามราวกับสวรรค์จนได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 ของสถานที่พักผ่อนที่ดีที่สุด และที่นี่ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักดำน้ำนิยมเดินทางมา เพราะมีปะการังน้ำตื้นและน้ำลึกที่ยังสมบูรณ์สวยงามอยู่ และมีปลาการ์ตูนตัวน้อยใหญ่ แหวกว่ายไปมาให้ชมอย่างเพลิดเพลิน บนยอดเขาด้านบนจะมีจุดชมวิวที่สามารถมองลงมาเห็นหาดทรายสีขาวสะอาดตาทอดยาวผ่านน้ำทะเลสีเขียวมรกตเชื่อมต่อระหว่างหมู่เกะสามเกาะเอาไว้ด้วยกัน และที่นี่ยังสามารถชมพระอทิตย์ขึ้นและตกได้บนหาดเดียวกัน ซึ่งนับเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเกาะนางยวนที่มีเพียงแห่งเดียวในโลก

อันดับที่2 จังหวัดบึงกาฬ

หินสามวาฬเป็นสถานที่สำหรับเที่ยวชมความสวยงามของธรรมชาติ มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ อายุกว่า 75 ล้านปี รูปร่างคล้ายวาฬ 3 ตัวพ่อแม่ลูกกำลังว่ายน้ำอยู่ โดยมีต้นไม้สีเขียวล้อมรอบเปรียบเสมือนน้ำทะเล าฬตัวที่เราสามารถเดินขึ้นไปได้ จะเป็นวาฬตัวพ่อและแม่ โดยเราจะเริ่มต้นเดินไปที่วาฬตัวพ่อก่อนจะเจอทางเชื่อมไปยังวาฬตัวแม่ที่อยู่ตรงกลาง ส่วนตัวลูกจะไม่สามารถเดินได้เพราะแคบมาก บนหลังวาฬนี้จะเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดในภูสิงห์ เพราะจะได้เห็นแสงสีส้มทองไล่เฉดจากการไต่ระดับขึ้นฟ้าของพระอาทิตย์โดยมีฉากหน้าเป็นผืนป่สีเขียวสุดลูกหูลูกตา และยังมองเห็นแม่น้ำโขงที่อยู่ระหว่างไทยกับลาวอีกด้วย แต่ว่าการจะขึ้นไปบนหินสามวาฬต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะด้วยสภาพของหินและน้ำค้างที่ตกลงมาอาจจะทำให้ลื่นตกหน้าผาได้ แต่ถ้าเพื่อนๆคนไหนชอบเที่ยวแบบที่รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง จะพลาดที่นี่ไปไม่ได้เลยค่ะ

อันดับที่1 จังหวัดเชียงใหม่

สถานที่เที่ยวที่บรรยากาศดีๆ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ พอตกกลางคืนก็นอนมองดูดาวสวย ๆ บรรยากาศโรแมนติ๊กโรแมนติกแบบนี้ไม่ได้มีแค่เพียงในละคร แต่มีอยู่ที่ดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นภูเขาหินปูนที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย อยู่ภายใต้การดูแลของเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเชียงดาว ที่นี่จะไม่มีแหล่งเก็บน้ำและแหล่งกำเนิดน้ำตามธรรมชาติ แต่กลับไม่แห้งแล้ง แถมยังมีพรรณ์ไม้ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวอยู่มากมาย เช่น เทียนนกแก้ว ที่มีดอกรูปร่างเหมือนนกแก้ว ซึ่งจะมีที่นี่เพียงที่เดียวเท่านั้น เพื่อนๆสามารถมาเที่ยวที่นี่ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 มีนาคม ของทุกปี อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดจะอยู่ที่ -7 องศาเซลเซียส ใครที่มีแฟนต้องพาแฟนมาเที่ยวสถานที่โรแมนติกๆแบบนี้ให้ได้สักครั้งนะคะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *